whatsapp

ไฮไลท์ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 2-0

2024-12-03 12:35

author

ไฮไลท์ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 2-0 แมนฯ ซิตี้ เปิดแอนฟิลด์ถล่มยับ

ลิเวอร์พูลยังคงโชว์ฟอร์มอันยอดเยี่ยมในพรีเมียร์ลีก ไฮไลท์ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 2-0 แมนฯ ซิตี้ ในเกมบิ๊กแมตช์ที่แอนฟิลด์ คืนวันเสาร์ที่ผ่านมา

ลิเวอร์พูลยังคงโชว์ฟอร์มอันยอดเยี่ยมในพรีเมียร์ลีก ไฮไลท์ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล 2-0 แมนฯ ซิตี้ ในเกมบิ๊กแมตช์ที่แอนฟิลด์ คืนวันเสาร์ที่ผ่านมา เกมนี้เริ่มต้นด้วยความดุดันของลิเวอร์พูล และพวกเขาก็ไม่ปล่อยให้แฟนบอลรอนาน โคดี้ กัคโป ยิงประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วในนาทีที่ 12 สร้างความได้เปรียบตั้งแต่ต้น
ในครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี้ พยายามบุกอย่างหนัก แต่ไม่สามารถเจาะแนวรับลิเวอร์พูลที่มีความเหนียวแน่นได้ กระทั่งนาทีที่ 78 ลิเวอร์พูลได้ลูกจุดโทษ และโมฮาเหม็ด ซาลาห์ก็ไม่พลาด ยิงปิดท้ายอย่างเฉียบขาด

หงส์แดงสะบัดปีก! อัดแมนฯ ซิตี้ 2-0 นำฝูงแบบยาวๆ

บิ๊กแมตช์แห่งพรีเมียร์ลีกสัปดาห์นี้เป็นที่จับตามองของแฟนบอลทั่วโลก เมื่อ "ลิเวอร์พูล" เปิดบ้านพบกับ "แมนเชสเตอร์ ซิตี้" ผลปรากฏว่าลูกทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์โชว์ฟอร์มแกร่งต่อหน้าแฟนบอล ด้วยการคว้าชัย 2-0
ประตูแรกเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในนาทีที่ 12 จากโคดี้ กัคโปที่ยิงสุดคมช่วยให้ทีมขึ้นนำ ก่อนที่เกมจะดำเนินไปอย่างดุเดือด ลิเวอร์พูลพยายามบุกเพิ่มสกอร์อยู่หลายครั้งแต่ยังไม่สำเร็จ กระทั่งท้ายเกมในนาทีที่ 78 "โมฮาเหม็ด ซาลาห์" รับหน้าที่สังหารจุดโทษอย่างเยือกเย็น ตอกย้ำชัยชนะให้เจ้าบ้าน ลิเวอร์พูลนำห่างในตำแหน่งจ่าฝูงถึง 9 คะแนน ขณะที่แมนฯ ซิตี้ต้องเผชิญความผิดหวังต่อเนื่อง และอาจต้องปรับแผนเพื่อกลับมาสู่เส้นทางลุ้นแชมป์อีกครั้ง

dooballsodtoday-ไฮไลท์-ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก-ลิเวอร์พูล-2-0-แมนฯ-ซิตี้-03-12-24-01.jpeg

การพ่ายแพ้ต่อ "ลิเวอร์พูล" 2-0 ในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อคืนที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งจุดตกต่ำของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในฤดูกาลนี้ นอกจากจะไร้ชัยมา 7 เกมรวดในทุกรายการแล้ว ทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่ายังพบกับสถิติที่ไม่น่าจดจำในลีก ด้วยการแพ้ 4 เกมติดต่อกัน แม้แมนฯ ซิตี้จะพยายามบุกกดดันลิเวอร์พูลในช่วงครึ่งหลัง แต่การขาดสมดุลในแดนกลางและแนวรับที่ไม่มั่นคงทำให้พวกเขาไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ ขณะที่ลิเวอร์พูลใช้ความเฉียบขาดในการจบสกอร์ สร้างความแตกต่างที่ชัดเจน สิ่งที่ต้องจับตามองต่อไปคือ เป๊ปจะปรับกลยุทธ์อย่างไรเพื่อหยุดสถิติเลวร้ายนี้ และเรียกความมั่นใจกลับมาสู่ทีมก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายไปกว่านี้

การเปลี่ยนแปลงในเกมสำคัญของเป๊ป ผลลัพธ์ที่ยังต้องถกเถียง

หลังจากไร้ชัยมา 6 นัดติดต่อกัน เป๊ป กวาร์ดิโอล่าเลือกที่จะปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่นในเกมใหญ่ แต่การดร็อปเอแดร์ซอน นายประตูตัวหลัก กลายเป็นประเด็นร้อนที่หลายคนสงสัยว่าคุ้มหรือไม่ สเตฟาน ออร์เตก้า ผู้ที่ได้รับโอกาสแสดงผลงานได้ดีในบางจังหวะ แต่เขาต้องเผชิญความกดดันอย่างหนัก และสุดท้ายมาพลาดเสียจุดโทษที่เกิดจากการรวบหลุยส์ ดิอาซ

dooballsodtoday-ไฮไลท์-ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก-ลิเวอร์พูล-2-0-แมนฯ-ซิตี้-03-12-24-02.jpeg

แฟนบอลบางส่วนมองว่า การดร็อปเอแดร์ซอนอาจไม่ใช่เรื่องจำเป็น เพราะเขาไม่ได้แสดงความผิดพลาดใด ๆ ในเกมก่อนหน้านี้ และยังมีบทบาทสำคัญในระบบการบิลด์อัพของทีม นอกจากนี้ การดร็อปกวาร์ดิโอล แม้จะสมเหตุสมผลจากฟอร์มที่ตกลง แต่ก็ทำให้ทีมขาดความต่อเนื่องในแนวรับ เป๊ปอาจต้องตอบคำถามเหล่านี้ หากสถานการณ์ไร้ชัยยังคงดำเนินต่อไป เพราะการเปลี่ยนแปลงในจุดที่อาจไม่จำเป็น อาจกลายเป็นสิ่งที่ส่งผลเสียมากกว่าผลดี

เกมไร้ชัย! เป๊ปสวนกลับแฟนลิเวอร์พูล แต่ปัญหาทีมยังคาราคาซัง

เป๊ป กวาร์ดิโอล่าตอบโต้เสียงเชียร์แซวของแฟนบอลลิเวอร์พูลหลังจบเกมด้วยการชู 6 นิ้ว สื่อถึงความสำเร็จของแมนฯ ซิตี้ในพรีเมียร์ลีก แต่สิ่งที่แฟนบอลและสื่อต่างจับตาคือฟอร์มอันย่ำแย่ของทีมที่ไม่ชนะใครมา 7 นัด และแพ้ถึง 6 เกม เกมกับลิเวอร์พูลสะท้อนปัญหาหลายด้านของแมนฯ ซิตี้ โดยเฉพาะในครึ่งแรกที่พวกเขาแทบไม่มีบทบาทในเกมรุก

dooballsodtoday-ไฮไลท์-ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก-ลิเวอร์พูล-2-0-แมนฯ-ซิตี้-03-12-24-03.jpeg

โอกาสยิงครั้งแรกเกิดขึ้นในนาทีที่ 39 เท่านั้น ขณะที่ลิเวอร์พูลเล่นได้ดุดันกว่าและมีโอกาสยิงถึง 9 ครั้ง ก่อนที่ซิตี้จะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในครึ่งหลัง แต่ก็ยังไม่อาจทำประตูได้ สถิติหลังเกมแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างชัดเจน ลิเวอร์พูลมีโอกาสยิง 18 ครั้ง (ตรงกรอบ 7) เทียบกับแมนฯ ซิตี้ที่ยิงเพียง 8 ครั้ง (ตรงกรอบ 2) แม้ครองบอลได้มากกว่า แต่การขาดความเฉียบคมและฟอร์มที่ดรอปของฮาแลนด์ ทำให้ความพยายามทั้งหมดสูญเปล่า

9 แต้มที่นำห่างในตอนนี้ สะท้อนยุคทองของลิเวอร์พูลในปีแชมป์

dooballsodtoday-ไฮไลท์-ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก-ลิเวอร์พูล-2-0-แมนฯ-ซิตี้-03-12-24-04.jpeg

ลิเวอร์พูลภายใต้การนำของเยอร์เก้น คล็อปป์ กำลังแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งอีกครั้งในฤดูกาลนี้ ด้วยคะแนนนำห่างอาร์เซนอลและเชลซีถึง 9 แต้มหลังผ่าน 13 เกม ซึ่งชวนให้นึกถึงฤดูกาล 2019-20 ที่พวกเขาเก็บคะแนนได้อย่างมหาศาลและจบฤดูกาลด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก สิ่งที่เปลี่ยนไปในยุคนี้คือสไตล์การเล่นที่มีความไดเรกต์มากขึ้น การวางบอลยาวเพิ่มขึ้นเป็น 14.8% เมื่อเทียบกับฤดูกาลก่อน ทำให้ทีมสร้างโอกาสได้เร็วและอันตรายมากขึ้น ความยืดหยุ่นในการเล่นนี้อาจเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ลิเวอร์พูลรักษาฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอ และอาจพาทีมกลับไปสู่จุดสูงสุดได้อีกครั้ง


ลิเวอร์พูลภายใต้การคุมทีมของเยอร์เก้น คล็อปป์ ยังคงเดินหน้าสร้างความประทับใจ ด้วยฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงทั้งในพรีเมียร์ลีกและแชมเปี้ยนส์ลีก ดูบอลสด7m ล่าสุด การเอาชนะเรอัล มาดริด เป็นสิ่งยืนยันถึงความสามารถของทีมในระดับสูงสุด สถานการณ์ในพรีเมียร์ลีกตอนนี้ ลิเวอร์พูลนำเป็นจ่าฝูงและยังคงรักษาระยะห่างจากคู่แข่งได้อย่างมั่นคง แม้ว่าจะยังไม่ถึงครึ่งทางของฤดูกาล แต่การที่คู่แข่งส่วนใหญ่ฟอร์มไม่คงเส้นคงวา ช่วยให้ลิเวอร์พูลมีโอกาสสร้างความได้เปรียบต่อไป หากพวกเขายังรักษาความสม่ำเสมอและสมาธิในทุกเกม แชมป์สมัยที่ 2 คงไม่ใช่ความฝัน